อนุทิน เผย ยอดผู้ป่วยโอมิครอนไทย อยู่ที่ 205 ราย และมีผู้ป่วยเสี่ยงสูงร่วมร้อยกว่าราย ย้ำขอให้ตรวจ ATK ก่อนไปพบผู้อื่น ป้องกันเชื้อกระจาย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ได้ออกมาเปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดโอมิครอน โดยในปัจจุบันมีการพบผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์ดังกล่าวแล้ว 205 รายโดยนายอนุทินได้แสดงความกังวลว่า รวมกลุ่มกันเป็นอันตรายที่สุด
ชัดเจนด้วยการติดเชื้อโอมิครอนที่เดินทางมากจากต่างประเทศ เรารู้ต้นตอว่ามาจากไหน นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หากใครที่เดินทางไปกลับบ้าน ขอให้ตรวจ ATK ก่อนไปพบผู้อื่น ญาติพี่น้อง อย่างกรณีสามี-ภรรยา จ.กาฬสินธุ์ ที่เดินทางมาจากยุโรปตรวจ RT-PCR ผ่านก็กลับกาฬสินธุ์ ต่อจากนั้นไปหาญาติ จ.อุดรธานี แล้วไม่ได้ตรวจซ้ำ ก็ไปแพร่เชื้อ 22 ราย ทั้งครอบครัว พนักงานร้านอาหาร และลูกค้าในร้าน รวมถึงผู้สัมผัสเสี่ยงสูงร่วมร้อยราย
“นี่ไม่เกี่ยวกับพิษโอมิครอน เป็นการนำเชื้อโดยผู้ติดเชื้อให้คนอื่น ซึ่งเรามีคำแนะนำชัดเจน DMHTT ไม่ใช่ภาชนะร่วมกัน โดยเฉพาะถังน้ำแข็ง แก้วเหล่า แก้วเครื่องดื่ม รวมถึงฉีดวัคซีนให้ครบโดส ก็ไม่มีปัญหาแน่นอน” นายอนุทิน กล่าว
ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่คาราคาซังมานานข้ามปี ยังไม่มีข้อยุติ ผลพวงจากภาระหนี้สินก้อนใหญ่ ยังหาทางออกไม่ได้ กลายเป็นเรื่องขมคอของหลายหน่วยงานภาครัฐ ซ้ำเจ้าตัวยังมีภาพหลุด ที่ ส.ส. พรรคเล็กขุดมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ เชื่อมโยงคลัสเตอร์โควิด-19 สถานบันเทิงย่านทองหล่อ ก่อนออกมาชี้แจงว่า ภาพดังกล่าวแค่สะท้อนชีวิตหนุ่มโสด ร้องคาราโอเกะ ดื่มนมชมพู หาความสุขหลังเลิกงาน ไม่ใช่ชายเสเพล ใช้ชีวิตประมาท จนเกิดคลัสเตอร์การระบาด
การท่องเที่ยวถือเป็นรายได้สำคัญของประเทศไทย อีเว้นต์ที่จะปลุกให้ทั่วโลกหันกลับมามองประเทศไทย และ ฟื้นเศรษฐกิจอีกครั้ง คือ งานเคานต์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ออกตัวการันตี Lisa วง Black Pink ศิลปินเกาหลี สัญชาติไทย ที่โด่งดังระดับโลก ตอบรับมาร่วมงาน ก่อนที่ดีลจะล่มไม่เป็นท่า เมื่อต้นสังกัดออกแถลงการณ์ดับฝัน ทำให้รัฐบาลเสียเครดิต แม้แต่โครงการ Sandbox ก็เกือบจะเป็น Sadbox ต้องลดพื้นที่ให้เหลือแค่จังหวัดภูเก็ต เพราะสถานการณ์โควิด-19 ปะทุ
เป็นคำพูดติดปากของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แม้จะเป็นคำสามัญธรรมดาที่ใช้ทั่วไป แต่กลายเป็นคำไม่ธรรมดา เมื่อออกจากปากของผู้นำประเทศในช่วงสถานการณ์วิกฤติ ที่ประชาชนสิ้นหวัง มีผู้คนล้มตายข้างถนน ตกงาน ขาดรายได้ จากวิกฤตโควิด-19 แม้นายกรัฐมนตรีเลือกใช้คำดังกล่าว เพื่อที่จะลดอุณหภูมิของสถานการณ์ลง แต่สังคมสะท้อนกลับให้เห็นผ่านเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ว่าเป็นการใช้คำไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ กระทบกระเทือนจิตใจผู้คน
โดยเฉพาะการพูดหลังการประชุมวัคซีนและการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ที่ตึกภักดีบดิทร์ ทำเนียนรัฐบาล เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2564 ที่ประชาชนต่างรอคอยการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ในการพิจารณาข้อเสนอมาตรการล็อกดาวน์ กทม.และปริมณฑล สะท้อนภาวะความเป็นผู้นำ ที่ล้มเหลวในการสื่อสารเมื่อเกิดภาวะวิกฤติ
‘ธนกร’ เผย รบ. เร่งแก้ปัญหา WADA ยื่นเสนอ ครม. 28 ธ.ค. นี้
ธนกร ออกมาเปิดเผยข่าวดีสำหรับชาวไทยว่า ทางรัฐบาลกำลังเร่งแก้ปัญหา WADA และเตรียมยื่นเสนอ พ.ร.บ.คุมสารต้องห้าม กับ ครม. ในวันที่ 28 ธ.ค. นาย ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เร่งผลักดันแก้ปัญหากรณีองค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก หรือ “WADA” ที่สั่งคาดโทษแบนจนไม่สามารถใช้ธงชาติไทยในเวทีนานาชาติ
โดยให้เร่งบรรจุร่างพระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ. 2555 รวม 24 มาตรา ที่เกี่ยวกับมาตรฐานของ องค์กรต่อต้านสารกระตุ้นโลกให้นำส่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพื่อเร่งบรรจุเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 28 ธันวาคม นี้ เมื่อ ครม. เห็นชอบแล้วคาดว่ากฎหมายจะแล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2565
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลดำเนินทุกขั้นตอนของการแก้ไขกฎหมายในประเทศเรียบร้อย จะประสานกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอให้ปลดโทษแบนเร็วกว่ากำหนด สำหรับประเด็นที่ไม่สามารถใช้ธงชาติไทยในเวทีนานาชาติได้นั้น จะทำเรื่องอุทธรณ์ต่ออนุญาโตตุลาการศาลกีฬาโลกอีกครั้ง
“นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้ดำเนินการแก้ไขมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมจะเร่งแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม ขวัญและกำลังใจของนักกีฬาไทย และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายด้วย” นายธนกร กล่าว
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ องค์กรต่อต้านสารกระตุ้นโลก ได้แถลงการว่า ประเทศไทย, เกาหลีเหนือ และ อินโดนีเซีย ทำผิดกฎของเรื่องสารกระตุ้นเกี่ยวกับนักกีฬา และส่งผลให้ทั้งสามชาติไม่สามารถจัดแข่งกีฬาในระดับภูมิภาค ทวีป หรือระดับโลกได้
โดย ไทยไม่ได้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.สารกระตุ้นของ องค์กรต่อต้านสารกระตุ้นโลก ในด้านของการบังคับใช้กฎหมาย ในขณะที่ อินโดนีเซีย และเกาหลีเหนือ ผิดกฎในด้านของการไม่ส่งนักกีฬาเข้ารับการตรวจหาสารกระตุ้น รวมถึงไม่สามารถลงแข่งภายใต้ในนามของทีมชาติได้ เว้นแต่การแข่งขันโอลิมปิก
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป